สำหรับแฟน James Bond ยุคเฮีย Daniel Craig หน้าโหด (เช่นข้าพเจ้า) ภาคนี้ถือเป็นบทสรุป Quardrology 4 ภาคที่โอเคเลยนะครับ ผกก. แซม แมนเดส จัดหนักจัดเต็มมาด้วยดาราดังๆ หนังที่ยาวกว่าเดิม เพลงเปิด ฉากเปิด ตระการตา เนื้อเรื่องที่ขาดตอนไปช่วงหลังจาก Quantum of Solace ทำให้ Skyfall ดูจะไม่เกี่ยวอะไรกับสองภาคแรกเลย แต่ใน Spectre มีความพยายามเชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกันในที่สุดได้ อันนี้เป็นความประทับใจที่ทั้ง ผกก. และสตูดิโอไม่ทอดทิ้งแฟนๆ บอนด์ยุคใหม่เลย (มีพูดถึงเฟลิกซ์ด้วย เสียดายที่เฮียแกไม่ได้โผล่มาในภาคนี้)
นอกจากจะไม่ทอดทิ้งแฟนบอนด์ยุคใหม่แล้ว ผกก. ก็ไม่ทอดทิ้งแฟนบอนด์ยุคเก่าด้วย เพราะองค์กร Spectre แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องในฐานะขั้วตรงข้ามกับ MI6 มาหลายต่อหลายภาค (ที่เด่นชัดที่สุดน่าจะเป็น Thunderball หรือ Never Say, Never again) การได้ Christoph Waltz มาแสดงในบทบาทร้ายของภาค ทำให้เราได้ผู้นำ Spectre ที่มีเสน่ห์ดั้งเดิมบวกกับความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน มองในมุมหนึ่ง เจมส์ บอนด์ ยังมีหลายคนได้ ทำไมตัวร้ายคนเดียวกันจะเปลี่ยนหน้ากันไม่ได้ล่ะ
อย่างไรก็ดี เนื้อเรื่องโดยรวมใน 4 ภาคที่ผ่านมาดูจะมุ่งไปสู่การสร้าง James Bond ในจักรวาลใหม่ที่ไม่ได้อ้างอิงของเดิม ทั้งเฟลิกซ์ ทั้งแมททิส คิว มันนี่เพนนี (แม้แต่เอ็มยังเปลี่ยนคนในที่สุด) ทั้งการเริ่มต้นด้วย Casino Royale ที่เป็นการได้รับตำแหน่ง 007 อย่างเป็นทางการ ฝั่ง Spectre ก็เช่นกัน อาจจะมองว่าเป็นคนละองค์กรกับบอนด์ยุคดั้งเดิมเลยน่าจะดีกว่า
สิ่งที่ชอบ
- ความใส่ใจของผกก. ในรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นจุดเล็กจุดน้อย การเชื่อมโยงเรื่องราวจากหลายภาคเข้ามาสู่บทสรุปในภาคนี้
- Lea Seydoux นางเอกของภาค นางได้เล่นหนังสายลับมาแล้วใน Mission Impossible: Ghost Protocol เรื่องนี้ก็มาเป็นนางเอกได้อย่างสมศักดิ์ศรี งามงด (จริงๆ เป็นแฟนคลับ ติดตามผลงานมานาน แนะนำให้ลองดู Blue is the warmest color นะครับ อะแฮ่ม)
- ป้า Monica Belucci ที่โผล่มาไม่มาก แถมหน้าสมกับวัย 50 แต่ก็แสดงเป็นหญิงม่ายเสน่ห์แพรวพราวได้เหลือๆ หุ่น Bombshell ไม่ทิ้งลายจริงๆ
- ทีมสนับสนุน คิว มันนี่เพนนี แทนเนอร์ ภาคนี้มากันเป็นทีม ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่มากขึ้น เห็นหน้ากันตลอดเรื่อง
- Daniel Craig ที่แสดงได้สมกับบทบาทสไตล์เฮียเช่นเคย ภาคนี้ดูอารมณ์ดีกว่าปกติด้วยนะ
- ฉากทรมาณ แม้จะไม่บีบหัวใจเท่าใน Casino Royale แต่ดูไปแล้วก็เสียวฟันไป หยึย
- เพลงและดนตรีประกอบ ดีงาม มีมาตรฐาน แต่อาจจะไม่ได้จี๊ดเท่า Skyfall
- Aston Martin DB10 อันนี้ผู้ชายน่าจะชอบกันทุกคน
สิ่งที่ไม่ชอบ
- เวิ่นเว้อ เปลี่ยนฉากกว่า 5 ประเทศ บทซับซ้อนจนบางทีก็สงสัยว่าใส่มาทำไม บางฉากควรจะเป็นฉากจบ ก็กลายเป็นว่ายังไม่จบ อะไรของคุณครับ เข้าใจว่าได้งบมาเยอะ ไม่ต้องเบิร์นทิ้งแบบนี้ก็ได้
- เอ็ม โดย Ralph Finnes เป็นเอ็มที่อ่อนหัดสุดๆ ไม่มีคำว่า Stay Cool ตอนที่ออกมาใน Skyfall ยังเท่กว่า ภาคนี้คือหมดความเท่ กลายเป็นตาลุงขี้บ่น โวลเดอร์มอร์กลับชาติมาเกิดชัดๆ
- ความไม่เด็ดขาด ไม่สะใจ กั๊กๆ เข้าใจว่าผกก. อยากสร้างเงื่อนไขในภาคนี้ให้เป็นบอนด์ที่มีความพิเศษ ทำให้ละเลยความสนุกหลายอย่างไป (คือแกฟินกับการสร้างบอนด์แบบปกติมาแล้วใน Skyfall)
สรุปแล้ว ค่อนข้างประทับใจในความละเมียดและการเชื่อมโยงเนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่ค่อยโอเคกับความเวิ่น ถ้าให้จัดอันดับจากชอบมากสุดไปน้อยสุดจากบอนด์ยุคเฮียเครก ผมก็คงให้เป็นอันดับ 2 ตามนี้
- Casino Royale
- Spectre
- Skyfall
- Quantum of Solace
คือภาคนี้เวิ่น แต่ถ้าพูดจริงๆ ไม่ชอบ skyfall มากกว่าอีก ทั้งๆ ที่หลายคนชอบ แต่มันมีหลายอย่างขัดใจในภาคนั้น ยังไงก็ยังไม่มีภาคไหนชนะ Casino Royale ได้อยู่ดี
ภาคหน้า JB 25 ได้ข่าวว่าเฮียยังเล่นต่ออีกภาค ขอให้ได้ขอให้โดน ปิดตำนานเฮียกับบทนี้ได้อย่างสวยงามนะครัช
ปล. หลายสำนักเขียนว่า ไม่ต้องดูภาคก่อนๆ ก็ดูได้ ไม่งง ขอพูดเลยว่าถ้าไม่รู้เนื้อเรื่องภาคก่อนๆ จะสนุกน้อยลงมากๆ เป็นไปได้ก็หาเวลาไล่ดูมาให้ครบจะดีกว่า
ปล2. อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ภาคนี้คะแนนจะห่วยยังไงก็ตาม ก็ยังดีกว่าหลายๆ ภาคในยุคเก่า ส่วนตัวโคตรเกลียด “The man with the golden gun” เนื้อเรื่องปัญญาอ่อนสุดๆ ดีงามอย่างเดียวคือถ่ายทำในเมืองไทยเกือบทั้งเรื่อง รองลงมา “On her majesty secret service” หายนะ George Lazenby ยังติดตาแฟนบอนด์มาถึงทุกวันนี้ ที่เหลือก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว ส่วนสาวๆ ก็คงบ่นกันอุบ อยากให้บอนด์เป็นเฮีย Pierce Brosnan เช่นเคย
บัยยย