[รีวิว] ไม่ต้องกลัวของทอดอีกต่อไป Philips Airfryer หม้อทอดไร้น้ำมัน กรอบอร่อย น้ำมันน้อยลงถึง 80%

ออกตัวก่อนเลยว่า ผมเป็นคนชอบกินของทอดมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ก็ทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย มันฝรั่งกรอบ และของทอดอื่นๆ อีกมากมาย เคยพยายามลดของทอด ของมัน แต่มันฝืนมาก แพ้ใจตัวเองทุกที

แล้วโชคชะตาก็ทำให้มนุษยชาติมีความหวังอีกครั้ง เมื่อฟิลิปส์ แบรนด์ที่เราคุ้นเคยกับการทำหลอดไฟมาหลายชั่วอายุคน ได้ออก “หม้อทอดไร้น้ำมัน” มาให้กับพวกเรา หลังจากลองใช้หม้อทอดนี้มาประมาณ 1 เดือน กินมาหลายเมนู พูดเลยว่าประทับใจมาก เลยขอสรุปเป็นรีวิวสำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักหม้อทอดตัวนี้นะครับ

แกะกล่อง ดูตัวเครื่องกัน

ตัวเครื่อง Philips Airfryer ไม่มีความซับซ้อนเลยครับ แกะกล่องออกมาเราก็พบตัวเครื่อง คู่มือ และใบรับประกัน แค่นั้น เรามาดูตัวเครื่องกันเลยดีกว่า

ตัวเครื่องแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ คือ

  1. ตัวเครื่อง มีความมั่นคงแข็งแรง ภายนอกสวยงามและล้ำสมัย
  2. ตัวฐาน ฐานลิ้นชักสำหรับหมุนวนอากาศ และรองรับน้ำมันที่ไหลออกจากชิ้นอาหาร
  3. ตะแกรงทอด สำหรับใส่วัตถุดิบเพื่อทอด เอาไว้ใส่ในฐานลิ้นชักอีกที

ซึ่งตะแกรงทอดนี้มีความพิเศษมากเพราะสามารถถอดล้างได้ง่ายๆ ตะแกรงสามารถถอดเป็นชิ้นๆ เพื่อล้างได้ทุกซอกมุม

ลองประกอบตัวเครื่องขึ้นมาก็พบว่ามีปุ่มไม่เยอะ เอาจริงๆ เดี๋ยวนี้ไมโครเวฟที่บ้านผมมีปุ่มเยอะกว่านี้อีก ซึ่งปุ่มทั้งหมดมีตามนี้เลยครับ

  1. ปุ่มแป้นหมุน เป็นปุ่มหลักที่ใช้ทั้งปรับและกดคอนเฟิร์ม (จริงๆ ใช้ปุ่มนี้ปุ่มเดียวจบเลย)
  2. ปุ่มเลือกอุณหภูมิ
  3. ปุ่มเลือกโปรแกรมตามเมนู 4 ประเภท (ของทอดแช่แข็ง ทอดไก่ ทอดปลา ทอดเนื้อ)
  4. ปุ่มตั้งเวลา
  5. ปุ่มเปิดปิดเครื่อง
  6. ปุ่มอุ่นอาหารรอ ใช้เวลาที่อาหารเสร็จแล้วแต่ยังไม่พร้อมจะทาน สามารถอุ่นรอได้ถึง 30 นาที

ในการใช้งานจริง เราใช้แต่ปุ่มหมายเลข 1 ปุ่มเดียวเลยก็ได้ครับ ที่เหลือเราจะไม่ค่อยได้ใช้เลย เหมือนไมโครเวฟที่ต่อให้ปุ่มเยอะแยะยังไง ก็ใช้แค่ไม่กี่ปุ่มเหมือนเดิม

ว่าด้วยการทอด

น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่าการทอดจริงๆ แล้วคืออะไร จริงๆ การทอดคือการใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือถ่ายเทความร้อนไปสู่เนื้อในของอาหารชนิดต่างๆ ส่งผลให้โมเลกุลน้ำและความชื้นเดือดออกไปจากอาหารอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความกรอบ และทำให้โครงสร้างของโมเลกุลอาหารเปลี่ยนไป คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนจะสูญเสียสภาพธรรมชาติ จุลินทรีย์ต่างๆ ที่อยู่ในอาหาร (ซึ่งจะทำให้อาหารเน่าเสีย) ถูกกำจัดออก

(อ้างอิงจาก http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/0347/frying-การทอด)

ซึ่งกระบวนการทอดนี้ ถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหารและการผลิตในเชิงอุตสากรรมมากมาย ตัวอย่างเช่น การผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งใช้การทอดทำให้โมเลกุลน้ำในเส้นบะหมี่เดือดและเกิดความกรอบที่เส้นบะหมี่ ทั้งยังไม่เน่าเสีย สามารถเก็บไว้ได้นานเพราะจุลินทรีย์ถูกกำจัดไประหว่างการทอด

คำถามแรกในใจ : ทอดแบบไม่เติมน้ำมัน รสชาติจะกินได้จริงเหรอ?

ผมก็มีคำถามนี้ผุดขึ้นมาเหมือนกับทุกคนนะครับ ของทอดไม่มีน้ำมัน มันจะกินได้จริงๆ เหรอ ตอนที่ทดลองใช้หม้อทอดไร้น้ำมันครั้งแรกก็ยังงงๆ อยู่ว่าถ้าเราไม่ใช้น้ำมันจะเป็นการทอดได้ยังไง? มันจะอร่อยไหม? มันจะต่างจากการอบยังไง? ปรากฎว่าจริงๆ แล้ว ไม่ต้องใช้น้ำมันเราก็ทอดได้! เพราะปกติในอาหารเกือบทุกชนิดจะมีน้ำมันผสมอยู่ในไขมัน และถ้าเราสามารถทำให้ความร้อนสามารถถ่ายเทเข้าไปในเนื้ออาหารได้เหมือนการใช้น้ำมัน ก็สามารถทำให้โมเลกุลน้ำภายในอาหารเดือดได้เช่นกัน #งงเด้

อธิบายง่ายๆ ตัวหม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Airfryer นี้ ใช้ “อากาศ” แทนน้ำมันในการทอดนั้นเอง

ลองนึกภาพอากาศที่ถูกทำให้ร้อนและเป่าด้วยแรงดันสูง โมเลกุลของอากาศ (ซึ่งเล็กกว่าโมเลกุลของน้ำมัน) ก็จะสามารถแทรกตัวเข้าไปในเนื้ออาหารและถ่ายเทความร้อนให้กับอาหารได้ โมเลกุลน้ำก็จะเดือดและลดความชื้นลง เนื้ออาหารไม่ว่าจะเป็นแป้ง เนื้อสัตว์ ก็จะกรอบขึ้น อีกทั้งยังทำให้ไขมันแตกตัวเป็นน้ำมันเมื่อโดนความร้อน ไหลออกมาจากอาหาร เหมือนกับการ “รีดน้ำมัน” ออกจากเนื้ออาหารอีกด้วย

การใช้งาน ง่ายไม่ต่างจากไมโครเวฟ

ใช้ง่ายมากครับ จริงๆ หลักการไม่ได้ต่างจากการใช้ไมโครเวฟเลย แค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ

  1. หมุนปรับความร้อน กดปุ่ม Confirm
  2. หมุนปรับตั้งเวลา กดปุ่ม Confirm
  3. กดปุ่ม Confirm อีกที จบ

แต่ผลลัพธ์ที่ได้คืออาหารที่อร่อยกว่าการใช้เตาไมโครเวฟหลายเท่า ผมก็อ่านคู่มือคร่าวๆ แล้วลองใช้งานตอนแรกๆ ลองผิดลองถูกกันไป ถ้ายังไม่กรอบก็เพิ่มเวลา ผ่านไปประมาณ 3 ครั้งตอนนี้ก็ใช้งานได้อย่างคุ้นเคย

จริงๆ ไมโครเวฟมีประโยชน์มากนะครับ เราใช้กันมานาน แต่กับอาหารที่ต้องการความกรอบ หรือเวลาเราซื้อพิซซ่า ไก่ทอด หรือพวกขนมเบเกอรี่มาแล้วทานไม่หมด พอเอามาอุ่นกินมันก็ไม่อร่อย หรือจะเอาไปอุ่นกับพวกกระทะอเนกประสงค์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ก็จะร้อนแค่ผิวๆ ไม่ได้กรอบถึงเนื้อใน แต่พอเอามาลองใช้กับหม้อทอดนี้ มันเหมือนเรา “ชุบชีวิต” อาหารขึ้นมาได้ใหม่ กรอบ อร่อย ชีสยืดได้เหมือนเพิ่งออกมาจากเตาเลยครับ สุดยอด!

การหมุนวนอากาศด้วย Turbostar Technology (ภาพจาก Philips Thailand)

เทคโนโลยีมีความสำคัญแค่ไหน Turbostar Rapid Air Technology มีความสำคัญจริงรึเปล่า?

โดยทฤษฏีแล้วเนี่ย ผมก็คิดนะว่าการทอดไม่ใช้น้ำมันคงทำได้ไม่ยาก ปรากฎว่า ยังไม่เคยมีใครทอดอาหารด้วยอากาศได้มาก่อน จนกระทั่ง Philips Airfryer มีการวิจัยเพื่อสร้างเทคโนโลยีใหม่เรียกว่า Turbostar ซึ่งเป็นการออกแบบทิศทางการไหลเวียนของอากาศภายในหม้อทอด ทำให้อาการสุกได้ทั่วถึง ไม่มีการเก็บกักความชื้น และกรอบอร่อยได้โดยไม่มีใครเลียนแบบได้จริงๆ

ตอนที่ผมไปเดินดูเครื่องที่ห้าง จริงๆ ก็มีหลายแบรนด์ที่ทำหม้อทอดลักษณะนี้ออกมา ขายถูกกว่าด้วย แต่พอลองสังเกตดีๆ มันก็ไม่ได้มีการออกแบบอะไรพิเศษเลย (เป็นเหมือนของเลียนแบบแค่ภายนอก) ลองถามพนักงานขาย ตอนแรกก็เชียร์ว่าทำได้เหมือนกัน แต่พอถามจี้ลงไปเรื่อยๆ ก็อ้ำๆ อึ้งๆ ยิ่งเจอบูทที่ให้ลองชิมอาหารที่ทำขึ้นมา ก็พบความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยครับ

อร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้ำมันลดลง 80%*

*เปรียบเทียบกับการทอดมันฝรั่งสดใน Deep fryer ด้วยน้ำมันท่วม

ผมลองใช้งานมาประมาณ 1 เดือน ตอนนี้มีของทอดที่ผ่านการทำด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Airfryer มาหลายเมนูมาก ไล่ตั้งแต่เฟรนช์ฟรายส์ของโปรด ไก่ทอด ไส้กรอก แหนม พาย นักเกต ปลาทอด เบคอนทอด หมูกรอบ ฯลฯ พูดง่ายๆ คือ เมนูทอดที่ไม่ใช่พวกชุบแป้งเหลวๆ ทอดเนี่ย ทำมาหมดแล้วครับ ความรู้สึกตอนแรกอาจจะรู้สึกแห้งกว่าของทอดปกติหน่อยๆ แต่พอทานไปเรื่อยๆ กลับชอบซะอีก ไม่มัน ไม่เยิ้ม รู้สึก Healthy และสุขภาพดีขึ้นเลยครับ ฮ่าๆ ลองดูวีดีโอนี้ได้ว่ามันดีงามจริงๆ

ภาพจำที่เห็นทุกครั้งเวลาทอดของมันๆ คือ ตอนเอาอาหารออกมาจากเครื่องแล้ว จับฐานเทออกมาเพื่อล้าง จะเห็นน้ำมันจากเนื้อของอาหาร ไหลออกมาจ๊อกๆๆ เห็นทุกครั้งก็รู้สึกทุกครั้งเลยว่า ที่ผ่านมาเรากินอาหารมันๆ แถมยังเติมน้ำมันลงไป แต่ละวันเรากินไขมันเข้าไปเท่าไหร่เนี่ย? เดี๋ยวนี้เวลาเจอของทอดตามร้านอาหารก็เลยพยายามลด กลับไปทำกินเองที่คอนโดดีกว่า สบายใจกว่าเยอะเลย

สรุป

  • Philips Airfryer หม้อทอดไร้น้ำมัน ใช้อากาศถ่ายเทความร้อนแทนน้ำมัน ทอดด้วยเทคโนโลยี Turbostar ทำให้อาหารสุก กรอบ ไม่ต้องเติมน้ำมันเพิ่มเติมลงไป
  • สามารถรีดน้ำมันออกจากอาหารมันๆ ได้ จะเห็นน้ำมันไหลออกมาจากฐานเวลาเทออกมา
  • อาหารอร่อยมาก ทำอาหารได้หลากหลายชนิด กรอบอร่อยเหมือนกัน แต่น้ำมันน้อยลงถึง 80%
  • สามารถชุบชีวิตอาหารที่ซื้อมาก่อนหน้า ให้กลับมากรอบอร่อยได้เหมือนเดิม
  • ใช้งานง่ายไม่ต่างจากเตาไมโครเวฟ ถอดล้างได้ทุกส่วน ทุกซอกมุม
  • ไม่สามารถทำอาหารประเภทน้ำ แกง อาหารชุบแป้งเหลวๆ ได้
  • เมนูอาหารไม่ได้จำกัดแค่ของทอด ลองเข้าไปดูที่เพจ Airfryer Recipe – Thai Style หรือ อร่อยกับ Airfryer ได้เลย
  • แถม! Philips Airfryer ยังมีแอพพลิเคชั่นสูตรอาหารพร้อมวิธีการทำ ลองโหลดมาเล่นก่อนเลยครับ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Philips Airfryer